เข้าสู่ระบบ ยูฟ่าเบท
เข้าสู่ระบบ ยูฟ่าเบท

3 เหตุผล ที่ทำให้หงส์แดงไม่ต้องกังวลกับแชมป์ครั้งนี้

3 เหตุผล ที่ทำให้หงส์แดงไม่ต้องห่วงหรือกังวลกับการลุ้นแชมป์

3 เหตุผล ที่ทำให้กุนซือชื่อดังของ ลิเวอร์พูล หนึ่งในมหาอำนาจของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเขาคนนั้นคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ และศึกในวงการลูกหนังโลกในครั้งนี้นั้น เขาไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด สำหรับการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ ถึงแม้ว่า ทีมของเขาเองจะมีนักเตะ ที่ได้รับบาดเจ็บหลายคนก็ตาม อีกทั้งก่อนหน้านี้ เกมการแข่งขันนั้น ได้แพ้มาแล้วถึง 2 หนอีกด้วย

สำหรับลิเวอร์พูลนั้น แม้จะแพ้มาแล้วถึง 2 นัดติดต่อกัน ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้พ่ายให้กับ อตาลันต้า โดยแพ้สกอร์ไปด้วย 0 – 2 ประตู คารัง แอนฟิลด์ ในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นเกมของการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่จะได้บุกไปทำประตูเสมอกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ด้วยการทำประตู 1 – 1 ในเกมวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน ในรอบเกมการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก ที่ผ่านมา

3 เหตุผล

3 เหตุผลของลิเวอร์พูล คืออะไรบ้าง

แต่อย่างไรก็ตามก็มี 3 เหตุผล ที่ทำให้ลิเวอร์พูลนั้น ไม่กลัวใครผู้ใดเลย และไม่ได้กังวลว่า ในการลุ้นแชมป์ครั้งนี้ นั้นจะทำให้เป็นห่วงแต่อย่างไรเลย โดยเหตุผลทั้ง 3 ประการนั้น จะเป็นอะไรกันบ้าง มาดูกันได้เลย

  1. ในช่วงนี้นั้นนักเตะในทีม ได้รับอาการบาดเจ็บเยอะ

ในฤดูกาลนี้ ” หงส์แดง ” เจอกับอีกหนึ่งปัญหาในทีม นั่นก็คือ การที่นักเตะในทีม นั้นได้รับอาการบาดเจ็บ จากเกมที่ผ่านมา และไม่ใช่แค่ได้รับอาการบาดเจ็บเพียงคนเดียว แต่เรียกได้ว่าเกือบทั้งทีมเลยก็ว่าได้ เพราะสาเหตุนั้น ได้เกิดจากการที่ ลูกทีมได้ลงสนามแข่งขันกันแบบถี่ยิบ เลยก็ว่าได้ จนทำให้ผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์นั้นแทบอยากจะออกไปเรียกร้อง ให้เปลี่ยนตัวนักเตะได้ทั้ง 5 คน เหมือนกับในช่วงที่ได้รีสตาร์ทจากฤดูกาลที่แล้ว

และในเมื่อกุนซือชาวเยอรมันผู้นี้ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะใช้งาน ชุดแบ็ก 4 ตัวหลักได้ เพราะว่าพวกเขานั้นได้รับอาการบาดเจ็บไปถึง 3 รายเลยทีเดียว ซึ่งชุดแบ็กหลักพวกนี้นั่นก็คือ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ , โจ โกเมซ และอีกหนึ่งคนนั้นก็คือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และใน 4 แข้งหลักนั้นก็เหลือเพียงแค่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ตัวหลักของคล็อปป์ ผู้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย

และในขณะที่ กองกลางของทีมนั้น ยังได้ผลัดกันบาดเจ็บไม่เว้นช่วงอีกด้วยทั้ง นาบี เกอิต้า , ติอาโก้ อัลกันตาร่า , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , เจมส์ มิลเนอร์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน อีกทั้งยังรวมไปถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่อดลงโชว์ผลงาน เพราะจากอาการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 นั่นเอง จึงได้รับการกักตัวไปอีกระยะหนึ่ง

ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นจะได้รับอาการบาดเจ็บก็ตาม เขามั่นใจว่า เมื่อนักเตะเหล่านี้หายจากอาการบาดเจ็บดีแล้ว พวกเขาจะกลับมาช่วยเสริมทัพ ให้แข็งแกร่งขึ้นอีกแน่นอน และนอกจากนั้น กำลังจะมีตลาดค้าแข้ง ที่กำลังจะเปิดตัวใหม่ ในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้นั่นเอง ทำให้ทีมนั้นสามารถ ที่จะซื้อตัวผู้เล่นใหม่มาช่วยเสริมทัพ อีกแรงหนึ่งได้อีกด้วย

2. การได้ขึ้นนำ เป็นจ่าฝูง นับตั้งแต่แรกจนถึง 28 พฤศจิกายน

แม้ว่า ลิเวอร์พูล นั้นจะได้บุกไปเยือนบ้านของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แต่ก็เอาชนะไม่ได้ เพราะได้ทำเสมอด้วยประตู 1 – 1 แต่นั่นก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่เพียงพอ สำหรับการขึ้นนำเป็นจ่าฝูง แต่ตำแหน่งนั้นก็แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะหลังจากที่ได้ลงเตะไป 10 ทำให้ตอนนี้มีคะแนนสะสมทั้งหมด 21 แต้ม

หากลิเวอร์พูลนั้น ได้ผ่านสัปดาห์นี้ไปแล้ว และในเกมที่ต้องเจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ , เลสเตอร์ ซิตี้ หรือแม้แต่ เชลซี หากทำแต้ม ให้แซงทีมเหล่านี้ไปได้ล่ะก็ คงไม่ต้องกังวลใจ หรือห่วงหน้าห่วงหลังอีกแล้ว เพราะจะยังคงอยู่ในเส้นทาง สำหรับการที่จะได้ลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน

และในช่วงนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องพยายามเกี่ยวกับเรื่องของ การหมุนเวียนตัวนักเตะให้ดี เพื่อบำรุงรักษา และทะนุถนอมร่างกายของนักเตะ เอาไว้ทำศึกในภายภาคหน้า สำหรับฤดูกาลอันแสนจะยาวนาน ซึ่งถ้าหงส์แดง นั้นทำผลงานออกมาได้ดี และคงตำแหน่งอันดับคะแนน ให้อยู่ในตารางหัวแถวได้เรื่อยๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ กับการครองแชมป์ ของฟุตบอลพรีเมียร์ ในครั้งนี้ได้

3. หากแม้ว่า มีผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วคงไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนเลย

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ที่ได้พิสูจน์ฝีมือ ให้ประจักษ์แก่สายตาของคนทั่วโลกแล้วว่า เขานั้นเหมาะสมที่จะอยู่เป็นผู้จัดการในทีม ลิเวอร์พูล และสามารถที่จะเป็นกุนซือในชื่ออันดับต้นๆ ของโลกได้ เพราะในตั้งแต่สมัยที่ได้อยู่ร่วมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

งเขานั้นก็สามารถที่จะนำพาให้ทีมนั้นได้พบกับความสำเร็จ ในการคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ฟุตบอลลีกที่สูงที่สุด ของเยอรมนีมาได้ ก่อนที่ตัวเขาเองนั้นจะได้ย้าย เข้ามาคุมทัพของ ลิเวอร์พูล เมื่อในปี 2015 โดยที่กุนซือชาวเยอรมันชื่อดังคนนี้ นั้นจะได้พา หงส์แดง ไปพบกับการคว้าแชมป์ ทั้งในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ , ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย อีกทั้งยังรวมไปถึง การวางแผนการเล่นที่มีสไตล์

อย่างการเล่นแบบเฮฟวี่เมทัล ซึงเป็นการเล่นฟุตบอลแบบบดขยี้คู่แข่งให้แหลก ทั้งการเล่นบอลเร็ว และหนักหน่วง รวมถึงการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย ที่ทำเอาเหล่าบรรดาแฟนบอลนั้น ถูกใจกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

และถึงแม้ว่าเขานั้นจะขาดตัวผู้เล่นหลายคนในทีมไป สำหรับฤดูกาลนนี้แล้ว แต่ระดับมันสมองปัญญาของเขานั้นก็สามารถที่จำพาทีม ไปพบกับความสำเร็จ ในการลุ้นแชมป์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ Ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก