เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ สำหรับบิ๊กแมตช์ในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2563 นี้ จะเป็นการพบเจอกันระหว่าง “ลิเวอร์พูล” และ “เอฟเวอร์ตัน” โดยการเจอของทั้ง 2 ทีมนี้นั้น ถือว่าเป็นศึกดาร์บี้แมตช์อีกเกมหนึ่ง โดยเกมในค่ำคืนวันเสาร์นี้ จะเป็นเกมที่มันส์อย่างแน่นอน
เพราะว่าตอนนี้ฟอร์มของทั้ง 2 ทีม กำลังร้อนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะทางฝั่งของทีมเอฟเวอร์ตัน ที่ตอนนี้กำลังครองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ โดยมีคะแนนเก็บที่ 12 แต้ม จากการลงเล่นทั้งหมด 4 นัด ยิงได้ 12 เสีย 5 ประตู
ส่วนทางด้านของลิเวอร์พูล ตอนนี้อยู่ที่อันดับที่ 5 มีคะแนนอยู่ที่ 9 คะแนน โดยสามารถเก็บชัยได้ 3 เกม และปราชัยเพียง 1 เกมเท่านั้น โดยเป็นการพ่ายให้กับ “แอสตัน วิลล่า” เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนด้วยสกอร์บันลือโลก 7-2 นั่นเอง
เปิดประเด็นหลัก 3 ประเด็นก่อนศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
ดาร์บี้แมตช์ฺนี้นั้น ทางหงส์แดงจะได้ตัวของ “ติอาโก้ อัลกันตาร่า” และ “ซาดิโอ มาเน่” ที่เพิ่งหายจากการติดเชื้อ Covid-19 และได้ตัวกัปตันทีม “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” กลับมาช่วยทีมในเกมนี้ โดยหลังจากแมตช์ก่อนได้ทำการแพ้ช็อคโลก
โดยแพ้ให้กับแอสตัน วิล่า ที่สกอร์ 7-2 ถึงแม้ว่าเกมนี้จะได้ตัวหลักกลับมามากมาย แต่ยังมีข่าวร้ายที่ “อลิสซง เบ็คเกอร์” นายทวารเบอร์ 1 ของทีม ยังไม่สามารถลงมาเฝ้าเสาให้ทีมได้ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บหนัก โดยน่าจะได้ตัวของ “อาเดรียน” นายทวารตัวสำรองมาเฝ้าเสาแทน
ส่วนทางด้านของท๊อฟฟี่สีน้ำเงินนั้น จะได้ตัวนักเตะครบองค์ทั้งหมด โดยเกมนี้ทางโค้ชอย่าง “คาร์โล อันเชล็อตติ” จะได้ใช้ตัวนักเตะอย่าง “ฮาเมส เจมส์ โรดริเกซ” และ “โดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน” 2 นักเตะที่กำลังฟอร์มร้อนแรงที่สุดใน EPL ในซีซั่นนี้ ทั้งคู่ และสำหรับก่อนค่ำคืน เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ นี้นั้น เราจะมาเปิด 3 ประเด็นหลัก ก่อนเริ่มเกมในศึกนี้กัน!
ประเด็นที่ 1 เอฟเวอร์ตัน ไม่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลมาได้เลยกว่า 10 ปี
ย้อนกลับไปแมตช์ที่เอฟเวอร์ตัน สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้ จะต้องย้อนไปไกลถึงปี 2010 ในวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นเกมน่าสุดที่เอฟเวอร์ตัน สามารถเอาชนะหงส์แดงได้ โดยตอนนั้นเป็นการทำประตูจาก “มิเกล อาร์เตต้า” และ “ทิม เคฮิลล์” แต่นับตั้งแต่เกมนัดนั้นจนถึงปัจจุบัน เอฟเวอร์ตันไม่สามารถสะกดคำว่าชนะ ยามที่ได้เจอกับลิเวอร์พูลได้เลย
ไม่ว่าจะเจอกันในรายการไหนก็ตาม ซึ่งก็เป็นสถิติ 22 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว แต่สำหรับเกมนี้อาจจะแตกต่าง เพราะว่าเอฟเวอร์ตันชุดนี้แข็งแกร่งมาก ภายใต้การคุมทีมของน้าแจ้ ที่ซีซั่นนี้ได้ตัวนักเตะเก่งๆมากมาย แถมทุกคนยังโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยม
สวนทางกับทางฝั่งลิเวอร์พูล ที่ถึงแม้ว่าจะโชว์ฟอร์มโหดชนะได้ 3 เกมรวดเปิดฤดูกาล แต่ดันไปพลาดท่าโดนแอสตัน วิลล่า ถลุงยับจนไม่เหลือราศีแชมป์เก่า แต่ยังดีที่ได้ช่วงพักเบรคทีมชาติช่วง 2 สัปดาห์นี้ ให้นักเตะและทีมได้พักรักษาแผล โดยพลพรรคหงส์แดงน่าจะพร้อมรบในศึกนี้แบบเต็มร้อย
แต่ถึงว่าแม้ลิเวอร์พูลนั้น จะสามารถเอาชนะได้ถึง 3 เกมติดต่อกัน แต่ภาพรวมแล้วยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะว่ามีหลายๆแมตช์ ที่ทางหงส์แดงขาดความเฉียบขาดในการเล่น สวนทางกับทางฝั่งเพื่อนบ้าน ที่มีความเฉียบขาดในการเข้าทำ และระบบการเล่นที่เด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่แน่ในเกมนัดนี้ อาจจะเป็นเกมที่ทำลายสถิติที่เอฟเวอร์ตัน ไม่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้กว่า 10 ปี ในเกมนี้ได้เสียที!
ประเด็นที่ 2 ประตูมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
สำหรับการเจอกันของทั้ง 2 ทีมนั้น เป็นเกมที่มีประตูเกิดขึ้นมากมาย โดยนับย้อนหลังปีที่แล้ว ที่เป็นการเจอกันในถิ่นแอนฟิลด์ ก็มีการทำประตูกันมากถึง 7 ประตูในเกมเดียว! โดยค่ำคืนนั้นเป็นการชนะของลิเวอร์พูลที่สกอร์ 5-2 ประตู แต่สำหรับซีซั่นนี้จะเปลี่ยนไป
โดยการแข่งขันทั้งหมด 4 นัดที่ผ่านมานั้น เอฟเวอร์ตันเป็นทีมที่ทำประตูเยอะที่สุดในลีคที่ 12 ประตู โดยอันดับที่ 2 เป็นลิเวอร์พูลที่ตามมาติดๆที่ 11 ประตู แถมเกมรับของทั้ง 2 ทีมยังไม่มีอะไรแน่นอนอีกด้วย โดยเอฟเวอร์ตันนั้นเสียประตูไปถึง 5 ประตู ส่วนลิเวอร์พูลเสียประตูไปทั้งหมด 11 ลูก โดยโดนแอสตันทีมเดียวถึง 7 ประตูในค่ำคืนแสนอัปยศคืนนั้น
ถ้าหากมาเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ ทั้งเกมรุกและเกมรับของทั้ง 2 นั้น ถือว่าเป็นอะไรที่สูสีกันอย่างมากในเวลานี้ เชื่อว่าค่ำคืนวันเสาร์นี้นั้น จะเป็นเกมที่มีประตูเกิดขึ้นเยอะอย่างแน่นอน
ประเด็นที่ 3 สองนายทวารอาจจะเป็นจุดพลิกเกมนี้!
ถ้าหากแฟนหงส์แดงเป็นกังวลเรื่องผู้รักษาประตู ต้องบอกก่อนว่าไม่ต้องกังวลไป เพราะว่านายทวารของเอฟเวอร์ตันก็ใช่ย่อย โดยสถิติของ “จอร์แดน พิคฟอร์ด” นายทวารเบอร์ 1 ของท๊อฟฟี่สีน้ำเงินนั้น ก็มีสถิติที่ห่วยใช่ย่อย โดยเจ้าตัวทำการผิดพลาดจนเสียประตูให้เห็นบ่อยๆ
และ 5 ประตูที่เอฟเวอร์ตันเสียไปนั้น ก็เกิดจากความผิดพลาดของนายทวารรายนี้เกือบทั้งหมด และย้อนไปเกมก่อนหน้านี้ ที่ลิเวอร์พูลได้ทำการสังหารเอฟเวอร์ตันไป 5 ประตูในบ้าน ก็เป็นการเล่นผิดพลาดของพิคฟอร์ดทั้งหมด
ดังนั้นทั้ง 2 สองนายทวารของทั้งคู่นั้น ก็อาจจะเป็น 1 ในตัวพลิกเกมในศึกนี้ได้ ซึ่งต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า ระหว่างอาเดรียนและพิคฟอร์ด ใครจะเป็นฝ่ายทำผิดพลาดมากกว่ากันในเกมนี้ หรือใครจะสามารถโชว์ฟอร์มโหดออกมาได้มากกว่ากัน!!
ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก
