เนย์มาร์ โหดจัด! กด 3 ซัดแฮตทริคเชือดเปรูคาถิ่น

พลพรรคแซมบ้าบราซิล เปิดโหมดโหดเชือดเปรูคาถิ่นด้วยสกอร์ 4-2 ประตู ถึงแม้จะโดนนำก่อนถึง 2 ครั้ง ก่อนจะเปิดโหมดโหดพลิกแซงท้ายเกม ในฟุตบอลรายการฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ 2020 โดยเป็นการทำประตูจาก เนย์มาร์ ที่โชว์โหดซัดไปถึง 3 ประตูคนเดียว

โดยในค่ำคืนที่ผ่านมานั้น เป็นการเจอกันระหว่างทั้ง 2 ทีม ระหว่างทีมชาติเปรู และทีมชาติบราซิล เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยเปรูเพิ่งทำการเสมอทีมชาติปารากวัย 2-2 ในเกมก่อนหน้านี้ ส่วนทางฝั่งของพลพรรคแซมบ้านั้น เพิ่งทำเอาชนะทีมชาติโบลิเวียด้วยสกอร์สุดโหดที่ 5-0

ซึ่งในเกมนี้นั้น ทางฝั่งของ ริคาร์โด้ กาเรก้า เฮดโค้ชของทีมชาติเปรู เลือกที่จะใช้ “เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน” เป็นตัวจบสกอร์แดนสุดท้าย และมีตัวของ “อันเดร การ์รีโย่” และ “โยชิมาร์ โยตุน” เป็นตัวปั้นเกมในแดนกลาง ส่วนฝั่งของทีมชาติบราซิลนั้น ทางโค้ชอย่าง “ตีเต้” ได้ทำการถอดชื่อของ “เอแวร์” โดยในเกมนี้จะใช้ตัวของ “ริชาร์ลิซอน” ตัวรุกของสโมสรเอฟเวอร์ตันแทน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆนั้น ยังคงก๊อปปี้จากไลน์อัพเดิมมา

เริ่มเกมนั้นเป็นฝั่งของเปรู ที่ได้โอกาสเฮก่อน โดยเป็นการทำประตูของ “อันเดร การ์รีโย่” ที่ยิงประตูสวนเข้าไป ซึ่งเป็นความผิดพลาดของ “มาร์กวินญอส” ที่ทำการสกัดบอลได้ไม่ดี ซึ่งเป็นประตูแรกตั้งแต่นาทีที่ 6 ของเกมการแข่งขัน

และเกมก็ได้ดำเนินต่อไปถึงนาทีที่ 26 ผู้ตัดสินได้ทำการเป่าจุดโทษ หลังจากที่ “โยชิมาร์ โยตุน” ได้ทำการดึงเสื้อของ “เนย์มาร์” ในกรอบเขตโทษทำให้ผู้ตัดสินเกม ไม่ลังเลที่จะเป่าให้เป็นจุดโทษเลย และผู้รับหน้าที่สังหารจุดโทษนี้นั้น ก็เป็นจอมสังหารโหดจากสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยิงประตูตีเสมอให้กับทีมได้นาทีที่ 27 ทำให้เกมกลับมาสกอร์ 1-1 จบครึ่งแรกเกมเป็นผลเสมอ

เริ่มเกมมาต่อที่ครึ่งหลัง หลังจากที่เกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 59 เป็นเปรูที่ทำประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 เมื่อตัวสำรองที่ลงมาแทนสนามอย่าง “โรดริโก้ ไคโย” ที่ได้ลงสนามมาแทนที่ของ “มาร์กวินญอส” ได้ทำการโหม่งสกัดพลาด ทำให้บอลมาเข้าทางของ “เรนาโต้ ตาเปีย” ยิงบอลแฉลบเป็นประตูอีกครั้งหนึ่ง โดยตอนนี้รูปเกมอยู่ที่ทางเปรูมาก

แต่ยังไม่ทันได้หายดีใจ ก็เป็นทางของบราซิล ที่ได้ลูกเตะมุมและก็เป็นทางกองหน้าของหงส์แดงอย่าง “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ที่ทำการโหม่งเซ็ทให้กับ “ริชาร์ลิซอน” ยิงชาร์จเต็มข้อล่อเต็มแข้งให้กับบราซิลตีเสมอเป็น 2-2 แต่ทางผู้ตัดสินต้องดู VAR ย้อนหลัง เนื่องจากนักเตะของเปรูได้มาแย้ง ว่าตัวรุกของท๊อฟฟี่นั้นอยู่ตำแหน่งที่ล้ำหน้า หลังจากที่เช็คจาก VAR ผู้ตัดสินก็ชี้ให้ลูกยิงลูกนี้เป็นประตู ทำให้ตอนนี้รูปเกมได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เข้ามาสู่ช่วงท้ายเกม เป็นช่วงที่ดุเดือดที่สุดของเกม โดยในนาทีที่ 83 เนย์มาร์ได้ถูกฟาล์วในกรอบเขตโทษอีกครั้ง และก็เป็นเจ้าตัวที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ และทำประตูขึ้นนำครั้งแรกของเกมที่สกอร์ 3-2 ประตู จากนั้นก็เป็นการแข่งขันที่ดุเดือด โดยทั้ง 2 ทีมได้ทำการสู้กันอย่างเมามัน

และช็อตพลิกเกมที่หนักที่สุด เกิดขึ้นที่นาทีที่ 89 เป็นฝั่งของ “การ์ลอส ซามบราโน่” ที่เล่นเกมแรงใส่ “ริชาร์ลิซอน” เดือดจนต้องไปดูเทปย้อนหลังจาก VAR และก็ได้ควักใบแดง ทบ. ผลัด 1 ให้การ์ลอส ซามบราโน่ ได้กลับไปนั่งสงบสติอารมณ์ ทำให้เปรูที่กำลังแย่แล้วนั้น แย่กว่าเดิมด้วยการเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น

สุดท้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 เป็นทางของเนย์มาร์ ที่ซัดประตูตอกฝาโลง 4-2 ใส่เปรูอย่างเยือกเย็น โดยเป็นการซ้ำลูกยิงของ “เอแวร์ตอน ริเบย์โร่” ที่ยิงไปชนเสาแรกอย่างจัง ก่อนจะกระโดนมาที่เท้าของเจ้าตัว ปิดเกมด้วยชัยชนะของ “บราซิล” ที่เอาชนะได้อย่างดุเดือดที่ 4-2 จบเกมไปได้อย่างสวยงาม ทำให้ตอนนี้ทีมชาติบราซิลมีแต้มทั้งหมด 6 แต้ม จากการลงสนามทั้งหมด 2 หมด ส่วนเปรูมีแค่ 1 แต้ม จากการลงสนาม 2 นัด